22 มีนาคม 2024
GUNDAM.INFO BOX GLOBAL SPECIAL PART1
ฉลองที่ระลึกเปิดตัว "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด ฟรีด้อม"
บทสัมภาษณ์คุณโฮชิ โซอิจิโร่และคุณฟุคุดะ มิตสึโอะฉบับพิเศษ
คำเตือน บทความนี้มีการกล่าวถึงเนื้อหาใน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" และ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด เดสตินี่" ด้วย ระวังโดนสปอยล์!
Hoshiผมโฮชิ โซอิจิโร่ พากย์บทคิระ ยามาโตะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
Fukudaผมชื่อฟุคุดะ เป็นผู้กำกับซีรีส์ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
Hoshiตอนเด็กๆ ผมดู "โมบิลสูท กันดั้ม" ที่เอามาฉายรีรันทางโทรทัศน์ครับ พวกเด็กประถมก็ฮือฮาครับว่าเป็นอนิเมะเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ผมเองก็ต่อกันพลาเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ แหละครับ โมบิลสูท กันดั้มถือว่าเป็นผลงานในดวงใจของเด็กๆ เลยนะครับ หลังจากนั้นก็มีภาคต่อ มีเรื่องใหม่ๆ ในซีรีส์ "กันดั้ม" ออกมาเรื่อยๆ ขนาดตอนที่ผมได้มาเป็นนักพากย์แล้ว ผมก็ยังรู้สึกว่า "กันดั้ม" มันพิเศษสำหรับผมอยู่เสมอเลยครับ ตอนที่ผมออดิชั่นพากย์ผลงาน "กันดั้ม" เป็นครั้งแรก ผมจำได้เลยครับว่าแอบหวังในใจว่าอาจจะได้มาทำงานเกี่ยวข้องกับซีรีส์นี้
Fukudaผมทำงานที่ซันไรส์※① ตั้งแต่ช่วงเริ่มสร้าง "โมบิลสูท กันดั้ม" แล้วครับ ผมเลยรับชมซีรีส์กันดั้มผ่านมุมมองคนในวงการที่คิดว่า "เรามาถึงยุคที่ทำอะไรเจ๋งๆ ได้แล้ว" คือผมไม่ได้รับชมซีรีส์ผ่านมุมมองของแฟนคลับครับ ผมรู้สึกว่า "กันดั้ม" เป็นคอนเทนต์ที่มีความพิเศษที่ไม่ได้ถูกจำกัดกรอบอยู่แค่การเป็นอนิเมะหุ่นยนต์สำหรับเด็กครับ
Hoshiผมเคยออดิชั่นผลงาน "กันดั้ม" สองครั้งแล้วก็ตกรอบครับ ในฐานะนักพากย์ ผมนี่เจ็บใจสุดๆ เลยครับ แต่พอดีว่าตอนนั้น ผมพากย์ผลงานของซันไรส์※① เรื่อง "Infinite Ryvius" อยู่ด้วย สมัยนั้นมีผลงานออริจินอลแนวไซไฟที่แตกต่างจาก "ซีรีส์กันดั้ม" ผลิตออกมาเต็มไปหมดเลยครับ ตอนนั้นผมกำลังคิดเลยครับว่าตัวเองคงเหมาะกับการพากย์แนวไซไฟแบบอื่นมากกว่า แต่พอดีทางบริษัทเรียกผมไปออดิชั่นบทของ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" ครับ ตอนนั้นผมคิดซื่อๆ เลยครับว่าอยากพากย์ผลงานชิ้นนี้จัง เพราะมีคุณฟุคุดะเป็นผู้กำกับ แถมได้คุณฮิราอิ ฮิซาชิมาดีไซน์ตัวละครให้ด้วย เพราะตอนนั้นผมเป็นแฟนคลับอนิเมะเรื่อง "Future GPX Cyber Formula" แล้วก็เรื่อง "Gear Fighter Dendoh" ที่คุณฟุคุดะเป็นผู้สร้าง แล้วก็เคยทำงานร่วมกับคุณฮิราอิ ตอนพากย์เรื่อง "s-CRY-ed" ด้วยครับ ไม่รู้ทำไมแต่ตอนนั้นทีมโปรดักชันเขาให้ความหวังผมใหญ่เลยครับว่า "ผ่านออดิชั่นให้ได้นะ!" ผมทราบดีครับว่าออดิชั่นทุกครั้ง ก็ไม่ได้จะผ่านกันทุกครั้งหรอก แต่ผมได้ลองชาเลนจ์ตัวเองด้วยความรู้สึกนึกคิดที่ว่าผมอยากจะทำมันให้ได้ ก็เลยได้รับเลือกเพราะแบบนี้น่ะครับ
Fukudaที่จริงนายผ่านออดิชั่นแบบคาบเส้นน่ะ
Hoshiผมมารู้ทีหลังว่าตอนออดิชั่นรอบสุดท้าย ผมเกือบไม่รอดนี่แหละครับ (หัวเราะ)
Fukudaไม่ใช่เพราะโฮชิคุงไม่เก่งหรืออะไรนะ เขาฮอตมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว เรียกได้ว่าได้ยินเสียงเขาในโทรทัศน์ทุกวัน ทุกสัปดาห์เลย ก็เลยกังวลน่ะครับว่าจะให้เขามาพากย์เป็นตัวละครเอกดีไหม
Hoshiกังวลว่าจะไปตรงกับผลงานอื่นเหรอครับ
Fukudaก็นายมีงานพากย์เสียงออนแอร์ห้าวันต่อสัปดาห์เลยนี่
Hoshiไม่หรอกครับ พูดเกินไปแล้วครับ บางช่วงงานผมแค่บังเอิญออนแอร์พร้อมกันน่ะครับ
Fukudaผมกังวลว่าเกิดเขาพากย์เป็นตัวละครเอกของเรื่องอื่นที่ออนเวลาเดียวกันด้วยขึ้นมาจะทำยังไง แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านออดิชั่นอยู่ดีนั่นแหละครับ
Hoshiผมผ่านออดิชั่นบทอัสรันด้วยครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่น่าใช่อัสรันเท่าไรน่ะครับ สุดท้ายบทก็ตกเป็นของคุณอิชิดะไป ผมสบายใจมากเลยละครับที่เป็นคุณอิชิดะ เพราะผมเคยร่วมงานกับเขาในผลงานชิ้นอื่นๆ มาหลายรอบแล้วครับ แต่ตอนนั้นคุณอิชิดะเองก็พากย์หลายเรื่องเลยนี่ครับ
Fukudaแน่นอนว่าผมรู้ว่าเขาพากย์เรื่องดังหลายเรื่อง แต่ในใจผม ผมไปนึกถึงตอนที่เขาพากย์หนังฝรั่งเสียมากกว่า ผมกับโมโรซาวะ※② ก็เลยนึกภาพในหัวไปแล้วว่าบทอัสรันต้องเป็นอิชิดะคุงน่ะครับ
Hoshiจริงเหรอครับ นี่ก็แปลว่าล็อกบทมาตั้งแต่แรกแล้วเหรอครับ
Fukudaแต่พวกเราก็ตั้งใจฟังเสียงของทุกคนออดิชั่นนะครับ แต่ถึงยังไงก็เลือกอิชิดะคุงตามที่นึกภาพไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละครับ
Hoshiขอบคุณครับ มีเรื่องก่อนที่จะได้มามีส่วนร่วมใน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" เยอะเลยครับ ในใจผมเกิดเรื่องขึ้นเยอะเลยละครับ
Hoshiตอนที่ผมไปลงเสียงเนี่ย คนเยอะมากเลยครับ มีแต่คนคร่ำหวอดในวงการ ผมว่าผมเนี่ยอ่อนด๋อยที่สุดเลยครับ เพราะอย่างนี้ผมจะพูดได้ไหมนะว่ามันทำให้ผมเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของคิระได้ทุกสัปดาห์เลยละครับ ปกติแล้วคุณอุระคะมิ ผู้กำกับเสียงเขาจะคอยกำกับผมอีกทีหนึ่งน่ะครับ แต่เวลาเจอซีนที่ต้องร้องไห้ บางทีผู้กำกับก็รีเควสต์นู่นนี่ให้ผมทำเพิ่มเติมด้วยครับ
Fukudaผมบอกให้เขาร้องไห้จนใจสลายไปเลยน่ะครับ ร้องไห้เพราะสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปอะไรแบบนี้น่ะครับ
Hoshiที่ผมได้รับแนวทางจากผู้กำกับโดยตรงถือว่าเป็นโอกาสที่ล้ำค่ามากครับ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็คือผู้กำกับเขาไม่ได้กำกับผมว่าให้แสดงอย่างโน้นอย่างนี้ แต่จะชี้แนะเกี่ยวกับอินเนอร์ของผมมากกว่าครับ ซึ่งผมคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่หากันไม่ได้ง่ายๆ เลย ทุกวันนี้เองผมก็ยังคิดว่าการแสดงของผมในตอนนั้นก็คงแสดงออกมาผ่านคิระได้แค่ตอนนั้นตอนเดียวครับ ผมประทับใจมากๆ เลยครับ
Fukudaผมสั่งเขาให้พากย์เสียงร้องไห้แบบน้ำตาไม่ไหลครับ
Hoshiซีนนั้นเป็นซีนยอดฮิตเลยละครับ
Fukudaผมใส่ซีนนั้นเป็นจุดไคลแม็กซ์ของเนื้อเรื่องครึ่งแรกน่ะครับ พวกโฮชิคุงเขาจะรู้สึกว่าแสดงอารมณ์ยากจัง ทั้งที่รู้จักกัน สนิทกัน แต่มันดันมีรั้วที่เป็นเหมือนกำแพงมากั้นกลางระหว่างสองคนนี้น่ะครับ ในซีนที่ว่าเนี่ย ยังไงๆ มันก็แก้ปัญหาไอ้ความสัมพันธ์ที่ทั้งสนิท ทั้งห่างเหินกันไม่ได้ ที่จริงผมร่างตารางความสัมพันธ์ของตัวละครไว้ตลอดเลยครับ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก จนมายืนคุยกันคนละฟากรั้ว จนมาเจอกันตอนเจรจาสงบสุข ซึ่งเราใส่ภาพความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของตัวละครไว้ตลอดครับ ตอนที่ 26 เป็นอีกตอนที่เป็นไคลแม็กซ์เหมือนกันครับ ชื่อตอนชื่อว่า "คิระ" ส่วนเพลงประกอบ ผมใช้เพลง "Anna ni Issho Datta no ni (ขนาดเราอยู่ด้วยกันมาตลอดแท้ๆ )" ของ See-Saw ด้วยครับ ซึ่งเนื้อเรื่องครึ่งแรกเนี่ยปูเรื่องมาเพื่อจะขมวดปมไว้ในซีนนั้นนั่นแหละครับ
Hoshiนั่นสินะครับ
Fukudaผมคิดว่าโฮชิคุงเขาดึงเสน่ห์ของคิระออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลยละครับ
Hoshiโอ๊ะ ขอบคุณครับ ดีใจจังเลยครับ
Fukudaซีนที่คิระไม่ไปหาพ่อแม่ตัวเองก่อนหน้าซีนนั้นก็ดีเหมือนกันนะ แบบว่าถ้าไปเจอพ่อแม่แล้วเดี๋ยวจะโพล่งถามพ่อแม่ไปว่า "ทำไมต้องทำให้ผมเป็นโคออดิเนเตอร์ด้วย" คิระเลยตั้งใจไม่ไปเจอ เขาบอกเฟรย์ด้วยเนอะว่า "พวกเราทำผิดไปแล้ว" ซึ่งความบิดเบี้ยวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในครึ่งแรกเนี่ยมันจะเชื่อมโยงกันในตอนนั้นแหละ ซึ่งเป็นตอนที่พวกผมลงมือลงแรงสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ผมคิดว่าแฟนๆ ทุกคนก็น่าจะประทับใจกับตอนนั้นด้วยเหมือนกันครับ นอกเหนือจากนั้นแล้ว ผมก็หวังพึ่งฝีมือการแสดงของโฮชิคุงกับอิชิดะคุงเอาหมดเลยครับ
Hoshiนั่นสินะครับ คิระกับอัสรันเป็นเพื่อนซี้กัน ที่จริงพวกเขาก็อยากเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่สถานการณ์มันไม่นำพาให้พวกเขาได้มีโอกาสเลย ตอนที่ผมแสดงอารมณ์ในซีนนั้น ในฐานะนักแสดงเอง ผมก็รู้สึกว่าความรู้สึกของคนที่ดูซีนนั้นก็น่าจะเอ่อล้นออกมาเหมือนกันน่ะครับ
Hoshiที่ผมได้แสดงยาวๆ ตลอดหนึ่งปีเนี่ย เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในปัจจุบันแล้วนะครับ ตอนนั้นผมก็ทำงานอีกหลายๆ เรื่องควบคู่ไปด้วยก็จริง แต่ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาหนึ่งปีนั้น ตัวละครคิระอยู่กับผมตลอดเวลาเลยครับ ส่วนสิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดในเรื่องคือการที่คิระตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แล้วก็บอกความในใจซึ่งกันและกันกับลากุส จากนั้นก็เติบโตจนได้รับฟรีด้อมมาน่ะครับ
Fukudaผลงาน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" เป็นผลงานที่มีลายเซ็นของคนเขียนบทชัดมาก ผมชอบความรู้สึกตอนที่คิระกำลังค่อยๆ แตกสลายครับ
Hoshiเนื้อเรื่องครึ่งแรกเดินเรื่องแบบปวดใจมากเลย
Fukudaแต่ในครึ่งหลังเนี่ย คิระก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นในบริบทที่แตกต่างออกไปนะ ก่อนที่นิโคลกับทอลล์จะตาย คิระไม่เคยสู้แบบเอาจริงเอาจังเลย แต่เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากสองคนนั้นตาย มันก็เลยทิ่มแทงใจซ้ำๆ จนเขากลัวว่าไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมแบบไหนอีก แล้วท้ายที่สุดเขาก็คิดได้ว่า "ทำไมพวกเรามาถึงจุดนี้กันได้เนี่ย" น่ะครับ
Hoshiนี่มันไดอะล็อกสุดท้ายของเนื้อเรื่องเลยนี่ครับ
Fukudaนี่แหละแก่นแท้ของ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" หลังจากผ่านสงครามมา ก็ไม่มีใครปริปากพูดเลยว่า "มันดีแล้วละ" แม้แต่คนเดียว
Hoshiผมพอจะได้ยินข่าวคราวว่าจะทำภาคต่อตอนลงเสียง "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" ตอนสุดท้ายครับ
Fukudaได้ยินว่าจะมีภาคต่อมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเนอะ แต่ยังไม่ได้ประกาศสร้างอย่างเป็นทางการ มู ลา ฟราก้าเลยต้องมาตายไปเนอะ (หัวเราะ)
Hoshiอ้าว เรื่องมันเป็นแบบนี้เองเหรอครับ
Fukudaใช่ครับ
Fukudaก็ตอนนั้นใจของคิระมันแหลกละเอียดเป็นผุยผงไปแล้วยังไงล่ะ
Hoshiแหลกละเอียดเลย
Fukudaตัวคิระในตอนนั้นยังไม่มีความรู้สึกนึกคิดครับ
Hoshiนั่นสินะครับ ไม่ค่อยมีไดอะล็อกที่คิระแสดงอารมณ์เท่าไรเลยครับ ตอนเว้นช่วงการลงเสียงจากภาคแรกมาปีนิดๆ ซึ่งมันก็ค่อนข้างสอดคล้องกับเรื่องราวของคิระในตอนสุดท้ายของ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" ที่เว้นช่วงไปสองปี เลยได้รีเซตการแสดงของตัวเองด้วยครับ
Fukudaเทคนิคการแสดงอารมณ์ของคิระใน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด เดสตินี่" ดีเลยล่ะ ที่ผมต้องมานั่งกุมขมับก็เพราะเขาแข็งแกร่งขึ้นมากเกินในฐานะตัวละคร ตัวตนของโฮชิ โซอิจิโร่กับคิระในซีรีส์ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" เนี่ยมันสำคัญเกินเบอร์ไปมากๆ ซีนไหนมีเขา ซีนนั้นเขาแทบจะกลบรัศมีตัวละครอื่นหมดเลย (หัวเราะ)
Hoshiจริงครับ ถ้าจะมาเผยความรู้สึกกันต่อว่าคิระรู้สึกยังไงเนี่ย คงจะวุ่นวายกันสุดๆ ไปเลยเนอะครับ
Fukudaแล้วก็เรื่องการบาลานซ์ตัวละครอัสรันด้วยครับ พอเขาเจอปัญหาปุ๊บ เขาก็จะสับสนวุ่นวายใจ เอาอย่างนั้นดีหรืออย่างนี้ดี ซึ่งก็ทำให้ทิศทางของการแสดงมันไม่แน่ไม่นอนด้วย ถ้าเอาตัวละครนี้ไปเข้าฉากกับคิระ เดี๋ยวจะถูกคิระกลบรัศมีไปอีก ผมว่าผมคิดหนักเรื่องนี้ที่สุดเลยละ พออัสรันสับสน ลูกน้องอย่างชินก็ถูกลากเข้าไปพัวพันด้วย แต่ที่จริงแล้วคนที่ทำให้อัสรันสับสนก็คือคางาริน่ะครับ เนื้อเรื่องมันจะเชื่อมโยงกันแบบนี้ครับ ทำให้บาลานซ์ยากมากเลยครับ
Fukudaตัวละครคิระที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ใน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" มาเรียกได้ว่าแหลกสลายสุดๆ เลยครับ ส่วนความรู้สึกของคิระที่มีต่อลากุสใน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด เดสตินี่" ไม่ใช่ความรู้สึกชอบ แต่เป็นความรู้สึกที่ต้องพึ่งพาเธอมากกว่าครับ เพราะเขาไม่ได้เอ่ยปากว่าชอบด้วยซ้ำ แค่รู้สึกร้อนรนว่าถ้าเธอไม่อยู่ ตัวเขาก็ต้องตายแน่ๆ จริงๆ แล้วสภาพจิตใจของคิระในตอนนั้นมันผิดปกติครับ
Hoshiผมรู้สึกผูกพันกับสไตรก์กันดั้มในช่วงแรกมากๆ ครับ จนผมคิดว่า "อยากให้ขับสไตรก์ไปตลอดเลย" ตอนนั้นผมถึงขั้นคิดว่า "ถ้าได้เป็นนักบินหุ่นรบสักตัวในกันดั้ม ก็ได้เติมเต็มความฝันวัยเด็กแล้ว" แถมผมยังได้ขึ้นขับกันดั้มหลายตัวเลย ผมเลยมีความสุขมากๆ จนรู้สึกผูกพันไปเลยละครับ อย่างตอน "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด เดสตินี่" เนี่ย ผมคลั่งฟรีด้อมกันดั้มเอามากๆ จนคิดว่า "จะให้ไปขับหุ่นตัวอื่นอีกเหรอ" แต่พอได้เห็นสไตรก์ ฟรีด้อม กันดั้มที่พัฒนามาจากฟรีด้อมกันดั้มแล้ว ผมว่ามันเป็นหุ่นในอุดมคติเลยครับ
Fukudaผมนึกถึงการกำกับกระบวนท่าต่อสู้ แทนที่จะคิดว่า "อยากได้ฉากแอ็กชั่นแบบนี้" ผมกลับคิดไปว่า "ทำยังไงถึงจะโค่นฟรีด้อมได้นะ" ผมเน้นเรื่องยุทธวิธี แล้วก็เรื่องยานรบมากกว่าการลงรายละเอียดเรื่องคิวแอ็กชั่นน่ะครับ
Fukudaการเลือกปฏิบัติกับพวกแนเชอรัลและโคออดิเนเตอร์เป็นสิ่งที่คนเราอ้างเหตุผลโน่นนี่เผื่อขีดเส้นแบ่งเอาไว้เอง เรื่องชาติกำเนิดที่แตกต่างกัน หรือการอิจฉาริษยาที่เห็นคนคนหนึ่งเขามีความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่นเนี่ยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในสังคมปัจจุบัน แม้ว่าแต่ละเรื่องมันจะหนักหนาสาหัสไม่เท่ากัน แต่ผู้คนในสังคมก็ตระหนักถึงปัญหานี้อยู่ตลอด ซึ่งผมจะไม่ตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดี ผมเพียงแค่หนักแน่นในความคิดตัวเองที่ว่าสรรพชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้เกิดมาเพราะว่า "จำเป็น" ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดมาจากความรักทั้งสิ้นครับ
Fukudaสำหรับผลงานทั้งสองเรื่องคือ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" และ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด เดสตินี่" จะมุ่งเน้นประเด็นที่ว่า "สงครามเกิดขึ้นได้อย่างไร" แล้วก็ "ทำไมคิระกับอัสรันที่เป็นพวกเดียวกันถึงต้องมาต่อสู้กันด้วย" นอกจากนี้ก็มีเรื่องราวความรักของตัวละครแต่ละตัว แล้วก็นิสัยไม่เป็นโล้เป็นพายของคิระด้วยครับ (หัวเราะ)
Hoshiขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามรับชมตั้งแต่ซีรีส์เพิ่งออกฉายแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจเวลาดูผลงานไปพร้อมกับเราครับ เนื่องในโอกาสที่ผลงานเวอร์ชันภาพยนตร์ออกฉายในคราวนี้ ผมขอขอบคุณแฟนๆ ที่รับชม "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" ผ่านทางช่อง GUNDAM.INFO อยู่ในขณะนี้ด้วยครับ ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมอยากจะให้ทุกท่านสนุกแล้วก็ดื่มด่ำไปกับผลงานสองเรื่องนี้ ถ้าทุกคนไปรับชมผลงานในโรงภาพยนตร์ต่อจากนั้นด้วย ผมก็จะดีใจมากเลยครับ
สามารถติดตามชม "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด" และ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด เดสตินี่" ได้ทางช่องยูทูบออฟฟิเชียล GUNDAM.INFO
เช็กข้อมูลล่าสุดของ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด ฟรีด้อม" ได้ที่เว็บไซต์ทางการได้เลย!
ตอนต่อไปเป็นบทสัมภาษณ์ครึ่งหลังของทั้งสองท่านเกี่ยวกับ "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด ฟรีด้อม" ตั้งหน้าตั้งตารอได้เลย!
*② โมโรซาวะ จิอากิ: ผู้วางโครงเรื่องซีรีส์ชุด "โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด"
อันดับ
โพสต์แนะนำ
อนุญาต Cookie เพื่อดูหัวข้อแนะนำสำหรับคุณ